16 ธันวาคม 2553

Paul Potts

Paul Potts Story
เขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก


When I first went on Britain’s Got Talent I was famous for my cheap suit, my wonky teeth and the fact that I sold mobile phones for a living. – Paul Potts




ถ้าคุณมีลำโพง Surround 5.1 เปิดเสียงให้กระหึ่ม แล้วคุณจำได้รับแรงบันดาลใจจาก Paul Potts เต็มที่

รายการ Britain’s got Talent คล้ายกับ American Idol และ The Star ของเมืองไทย ลองนึกภาพการ Audition ของเหล่าผู้สมัครทั้ง 4 ภาค  ถ้าใครทำได้ไม่ดีก็จะโดนโขกสับวิจารณ์อย่างเสียผู้เสียคน และอาจจะสูญเสียความมั่นใจไปเลย แต่บางคนก็กลับไปสู้ต่อ ฝึกต่อไปเพื่อจะไต่ให้ตัวเองไปถึงดวงดาว  แต่นั่นไม่ค่อยยุติธรรมนัก สำหรับเมืองไทย

ด้วยความที่มันต้องยึดกับการตลาด มันก็ต้องสร้างภาพ สร้างความนิยม ด้วยการเฟ้นหาคนหน้าตาดีมาไว้เป็นอันดับแรกๆ  (ถึงแม้จะมี สน เดอะสตาร์1 ที่ค่อนข้างจะเป็นเป็นตัวจริง) หลังจาก The Star1 ก็ไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว  อาจจะเป็นเพราะ ไม่สามารถโปรโมทรูปลักษณ์ของนักร้องได้  พวกเขาจึงเข็ดแล้วหาคนรูปลักษณ์ดีมาดีกว่า

สำหรับเมืองไทย  …ความสามารถเป็นเรื่องรอง หน้าตาต้องมาก่อน…

ในปี 2007 รายการ  Britain’s got Talent เป็น Season1 และ Episode1    
มีชายคนหนึ่งก้าวขึ้นมาบนเวที Audition ด้วยความประหม่าและไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง

เขาคือ Paul Potts

…จะหยุดพิมพ์ไว้แค่นี้ และให้คุณได้รับรู้มันเองจะดีกว่า  ดูเสร็จแล้วไปอ่านข้างล่าง

V
V
V


ในฟุตเทจตอนแรก ผู้บรรยายแนะนำว่าเขาคือ คนขายมือถือจาก South Wales และเห็น Potts เดินไปเดินมาอยู่หลังเวที ท่าทางตื่นเต้นมาก

“ทุกวัน ผมขายมือถือ… แต่… ความฝันของผมคือการได้ใช้ชีวิตที่เหลือ  ทำสิ่งที่ผมรู้สึกว่า  ผมเกิดมาเพื่อทำสิ่งนั้น” เขาพูดประโยคแรก ที่แนะนำตัวเขา ด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่มั่นใจ ผู้ชมก็คงฉงนว่า เขาคนนี้จะมาทำอะไรกันแน่

Paul Potts เดินขึ้นมาบนเวทีด้วยสูทเชยๆ ดูเป็นผู้ชายเงียบๆ ดูไม่มีอะไรน่าสนใจแถมฟันยังหลอ…
ต่อหน้า Simon Cowell, Piers Morgan และ Amanda Holden….
Amanda ถามเขาว่า “คุณPaul…วันนี้คุณจะมาทำอะไรเหรอค่ะ”

“แค่ร้องโอเปร่าครับ” พอลตอบ กล้องจับภาพไปที่กรรมการอีกคน ชื่อPiers Morgan เขาทำหน้าไม่เชื่อ หมอนี่เนี่ยนะร้องโอเปร่า กรรมการท่านนั้นคงคาดหวังจะได้เห็นความแย่ที่น้อยที่สุด แต่กลับกันที่ฟุทเตจต่อมา

“ผมคิดอยู่ตลอดมาว่า จะร้องเป็นอาชีพ” เป็นคำตอบที่สวนทางกับสีหน้ากรรมการ
“การมีความเชื่อมั่นในตัวเอง…เป็น…เป็นสิ่งที่ยากสำหรับผม… คือผมไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากนัก…” เขาเป็นคนพูดตะกุกตะกักในแบบสำเนียงอังกฤษ

ทันใดนั้นกรรมการที่ชื่อ Simon Cowell(ที่เป็น Producer รายการด้วย) ก็ส่งสัญญาณว่าเริ่มได้  backstage กดปุ่ม play แล้วเสียงทำนองเพลงก็เริ่มบรรเลง…  Simon Cowell นั่งเท้าคางอย่างเซ็งๆ ทำหน้าเตรียมพร้อมรับกับความแย่ที่น้อยที่สุดเท่านั้น เพราะเขาไม่ต้องการอะไรจะดูที่น่าอับอาย  ส่วน Amanda Holden นั่งฟังด้วยความตั้งใจ ….ผู้ชมนั่งฟังอย่างสนุกสนาน บางคนทำตาถลนออกมาหมอนี่เนี่ยนะ…จะร้องโอเปร่า   ส่วนบางคนเอามือประสานเหมือนส่งแรงไปช่วย Paul Potts  บางคนกัดเล็บพร้อมทำสีหน้าคลางแคลงใจ…หมอนี่เนี่ยนะ    บางคนก็ยิ้มด้วยจุดประสงค์บางอย่าง  และแน่นอนว่าคนเกือบพันคนในสตูดิโอต้องคิดไม่ถึงแน่นอน




ว่าทันทีทันใดที่ Paul เปิดปากอ้าอย่างทรงพลัง เสียงของเขาดังก้อง สั่นไปทั้งสตูดิโอ Simon Cowell ที่กัดดินสออย่างเบื่อๆ ผงกหัวขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อสายตา  Amanda Holden แอบยิ้มเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่อาจยั้งไว้ได้

ภาพตัดไปที่ Paul ซึ่งกำลังร้องอยู่  ยืนตัวตรงกับสูทเชยๆ พยายามเปล่งเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำที่สุดในชีวิต ด้วยแรงของศรัทธาที่มีอยู่ในตัวเขาทั้งหมดในชีวิต  ทำให้ผู้ชมบางคนพยักหน้ารับรองสิ่งพิเศษนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขอย่างยิ่ง

เสียงเชียร์ของผู้ชมดังกระหึ่ม ขนของผู้ชมลุกกระหึ่ม Amanda Holden ยิ้มออกมาอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น แทบกลั้นหายใจ ณ ขณะที่เสียงอันไพเราะไต่เพดานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  …Piers Morgan มอง Paul ด้วยสายตาที่ปลิ้มปิติซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ส่วน Simon Cowell ที่แอบขนลุกอยู่ข้างใน แอบยิ้มอยู่ข้างใน พลางเกาหู ไม่เชื่อหูตัวเองว่ามันเป็นเสียงที่ออกมาจากคนขายมือถือที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง





กล้องซูมเข้าไปที่ Paul ซึ่งขับร้องด้วยพลังที่สูงขึ้นไปกว่าเดิม ผู้หญิงสูงวัยท่านหนึ่งเอามือปาดน้ำตาอย่างห้ามไม่ได้ ผู้คนที่นั่งอยู่รอบๆยิ้มออกมาแบบที่มีความสุขที่สุดในชีวิต   เสียงวี้ดวิ้วเสียงกรี๊ดคละด้วยเสียงตบมือดังกระหึ่มไม่หยุดยั้ง

ก่อนเข้าท่อนร้องท่อนสุดท้าย Paul ยืนขับร้องเหมือนกับนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำบนโลก  Simon Cowell ไม่คิดจะกระพริบ อ้าปากค้างและแทบจะสลบสไลลงไปกองบนพื้น  …Amanda Holden ผสานมือด้วยสีหน้าอึ้งที่สุดในชีวิต  …Piers Morgan เก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อความสวยงามในน้ำเสียงนั้น ทำให้น้ำตาคลอเบ้า อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในที่สุด Paul กลั่นท่อนสุดท้ายออกมาด้วยพลังอันมหาศาล เขาสั่นแทบจะระเบิดออกมา เพราะนี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าจะแสดงให้ผู้คนบนโลกเห็นว่า เขาเกิดมาเพื่อร้องโอเปร่า เขาอยากจะทำสิ่งนี้ไปชั่วชีวิตนับจากตอนนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ ในที่สุดมันก็ออกมา   …Amanda น้ำตาคลอและไม่สามารถเก็บซ่อนความปิติยินดี เธอสั่นและแทบขาดใจด้วยพลังเสียงของ Paul





ยังไม่สิ้นเสียงร้อง ผู้ชมทั้งหมดเกือบพันคนในสตูดิโอยืนขึ้นปรบมืออย่างกึกก้อง กรีดร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนทะเลพินาศ ภาพตัดไปที่ Amanda ที่ต้องซับน้ำตาที่แม้จะกลั้นอย่างไรก็ไม่ไหว กรรมการทั้งสามท่านปรบมือไปพร้อมกับผู้ชมแล้วพยักหน้ายอมรับว่านี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน กรรมการทั้งสามหันไปมองกันเองอย่างปราบปลื้ม ไม่เชื่อหูและตาตัวเอง หันกลับไปมองคนดูเกือบพันคนที่ยืนปรบมือให้กับเขาอย่างไม่ยอมหยุด …

Paul ที่ร้องจบแล้ว มีสีหน้าที่ไม่มีความมั่นใจแต่หารู้ไม่ว่าเขาทำให้สตูดิโอเกือบระเบิด  …เสียงเพลงยังไม่จบลง กรรมการทั้งสามท่านฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่สุดตั้งแต่เกิดมา ปรบมืออย่างชอบใจ
เพียงแค่ไม่ถึงสองนาที …ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่มันมาจากความปรารถนาที่อยากแสดงออกมา ด้วยความรักทั้งหมด ด้วยความฝันทั้งหมด แม้ก่อนหน้าเขาจะทำฝันไม่สำเร็จ ฐานะเขาฝืดเคือง แต่ปัจจุบันนี้ ณ จุดที่เขาเพิ่งร้องโอเปร่าจบลง ความฝันเขาเป็นจริงอย่างฉับพลัน…




Paul ยิ้มอย่างแหยๆ ตามฉบับคนขี้อาย นิ่งเงียบ… เสียงวี้ดวิวยังคงมีและค่อยๆหยุดไปหลังจากที่ Simon Cowell ที่เป็นกรรมการที่โหดที่สุด พูด “คุณทำงานที่่ร้านขายมือถือติดรถยนตร์เหรอ…” Paul ยิ้มรับในเชิงตลกเสียดสี “คุณทำได้ขนาดนี้…ผมแทบไม่เชื่อเลยนะเนี่ย” Simon กล่าว “ผมว่า คุณน่ะมหัศจรรย์สุดๆ” ผู้ชมกรี๊ดและปรบมืออย่างชอบใจ Paul ยังคงยิ้มไม่หยุด

Piers Morgan บอกว่า “เสียงคุณสุดยอดมาก ถ้าร้องได้อย่างนี้ต่อๆไป รับรองว่าชนะรายการนี้แน่” ผู้ชมกรี๊ดและโห่เฮ  ต่อมาเป็น Amanda ที่พูด “ฉันคิดว่า เคสนี้เหมือน ก้อนฟืนเล็กๆที่กำลังกลายเป็นเพชรเม็ดงาม” แล้วทั้งห้องก็ยังคงสนั่นไปด้วยเสียงผู้ชม เมื่อกรรมทั้งสามตัดสินให้เข้ารอบต่อไปได้ เขาเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม และกรรมการทั้งสามยิ้มให้เขาอีกครั้งจนลับสายตาไป

ภายหลัง Paul Potts ชนะเลิศในรายการนี้ ได้รางวัลไปแสดงโอเปร่าต่อหน้า ควีนอลิซาเบธที่2 เขาออกอัลบั้ม 2 ชุด ขึ้นชาร์ทเพลงทั่วโลก และปัจจุบัน เป็นนักร้องโอเปร่าที่มีคิวคอนเสิร์ทเยอะที่สุดคนหนึ่ง เพราะเขาโด่งดังเป็นพลุแตกหลังจากวันนั้นนั่นเอง ความฝันของเขาก็เป็นจริงในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: