25 มกราคม 2554

Jimi Hendrix

Jimi Hendrix
แรงบันดาลใจของคนรักดนตรี ที่เมื่อกล่าวถึงไม่มีใครไม่รู้จักเขา :)




James marshall Hendricks เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ปี 1942
เขาเริ่มที่ฟังเพลงตามแผ่นเสียงที่พ่อเขาสะสม Hendrix เริ่มเล่นเครื่องดนตรีชิ้นแรกคือ Harmonica เมื่อเขาอายุเพียง 4 ขวบ และเริ่มเล่นกีตาร์อคูสติคเมื่อ 10 ขวบ ต่อมาพ่อของเขาก็ซื้อ กีตาร์ไฟฟ้าให้เขา Hendrix เริ่มที่จะศึกษา งานของเหล่ามือกีตาร์ blues เช่น B.B.king, Muddy Waters ต่อมา Hendrix ก็ได้ไปเล่น Back up ในตำแหน่งกีตาร์ให้กับศิลปินหลายท่านเช่น Tina Turner, Little Richard และ B.B.king





ปี 1965 Hendrix เริ่มก่อตั้งวงของเขา โดยใช้ชื่อว่า Jimmy James and The Blues Flames และแล้ว Hendrix ก็เข้ามาใน London โดยการชักชวนของ chas Chander โดยออก Single แรกกับ สังกัด Polydor ต่อมา Chas สลับ Hendrix รวมกับ Noel Redding เล่น(Bass) Mitch Mitchell (Drums) แล้วเปลี่ยน ชื่อใหม่เป็น Jimi Hendrix Expevience  



ปี1967 อัลบัม ชุดแรกของเขาซึ่งชื่อว่า Are You Experienced ก็ได้ออกจำหน่าย อัลบัมชุดนี้ ในปัจจุบัน กลายเป็นอัลบัมในตำนานไปเรียบร้อยแล้ว ต่อมา Hendrix ก็ยุบวง The Experience และก็อัดอัลบัม แสดงสดที่ใช้ชื่อว่า Band of Gypsics ซึ่งมี Billy Cox (Bass) และ Buddy Miles (Drums) แต่ไม่ประสบ ความสำเร็จ ดังนั้นก็เลยกลับมาใช้ชื่อว่า The Experience อีกครั้ง 

18 กันยายน 1970 โลกก็ต้องสูญเสียมือกีตาร์ที่เปี่ยมไปด้วยฝีมือ Hendrix ตายเพราะเสพยาเกินขนาด และในวันนี้เองเขากำลังที่จะเริ่ม ทำงานกับ Gill Evans ซึ่งเป็นนักแต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงคู่บุญกับ Miles Davis ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ Hendrix จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ว่าชื่อเสียงและผลงานของเขาก็ยังคงจาลึกไว้ในโลกนี้อีกนาน เท่านาน




เราหวังว่า...  ทุกท่านจะได้รับแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้น !!



12 มกราคม 2554

Films inspire.

3 ภาพยนตร์ สร้างแรงบันดาลใจ
ดูหนังดีๆก็สร้างกำลังใจได้เหมือนกัน




การรับชมภาพยนตร์นั้นถือว่าเป็นวิธีการสร้างแรงบันดาลใจได้ดีที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว เพราะการรับชมภาพยนตร์นั้นนอกจากบางครั้งจะให้สาระ ความรู้ และข้อคิดที่ได้จากเรื่องแล้ว บางครั้งยังสามารถเปิดมุมมองในด้านต่างๆ ที่เราอาจจะไม่เคยนึกถึงมาก่อน นอกเหนือจากนี้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนยังใช้การชมภาพยนตร์สร้างมุมมองและแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้เกิดขึ้นกับตัวเองได้อีกด้วย ซึ่งเรามีภาพยนตร์ดีๆ จำนวน 3 เรื่องด้วยกัน ที่จะมาขอแนะนำเพราะบางทีอาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้กลับคืนมาสู่ตัวคุณอีกครั้ง



เจอรี่ แมคไกวร์ เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1996
เป็นเรื่องราวที่ตัวเอกของเรื่องที่ชื่อเดียวกันกับหนังคือเจอรี่ แมคไกวร์ (รับบทโดยทอม ครูซ) ที่มีอาชีพเป็นเอเจนซี่ของนักกีฬาชื่อดังหลายๆคนประจำบริษัทเอเจนซี่หนึ่ง เขามีหน้าที่การงานใหญ่โต และอนาคตที่รุ่งเรือง มีเงินมากมาย ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวสำหรับเขา จนอยู่มาคืนหนึ่งที่เขานอนหลับและฝันไปว่าอาจารย์ที่เคยสอนเขาตอนมหาวิทยาลัยมาเข้าฝันและบอกให้เขาทำสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าที่จะทำเพื่อเงินพียงอย่างเดียว เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้น เขาจึงรีบทำการเขียนหนังสือตลอดทั้งคืนที่เกี่ยวกับ ข้อความพันธกิจ (Mission Statement) โดยเสนอให้บริษัทลดจำนวนนักกีฬาที่ดูแลเพื่อเน้นความใกล้ชิดระหว่างนักกีฬาผู้เป็นลูกค้ากับตัวแทนนั่นก็คือบริษัท ซึ่งเขาได้ทำสำเนาแจกให้ทุกคนในบริษัท ซึ่งทุกคนในบริษัทให้ความชื่นชมในแนวความคิดของเขา แต่หลังจากนั้นเขากลับถูกไล่ออกโดยทันที เขาจึงออกมาตั้งบริษัทเองโดยมีนักกีฬาที่เขาเป็นตัวแทนให้เพียงคนเดียว และเขาก็เริ่มดำเนินการตามอุดมการณ์ที่เขาได้วางเอาไว้ ซึ่งจากภาพยนตร์ดังกล่าวได้ให้มุมมองและแรงบันดาลใจไว้อย่างมากมายในส่วนของเรื่องการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่ควรจะเห็นคุณค่าของเงินมากกว่าอุดมการณ์ในการดูแลนักกีฬา สอนให้รู้จักการใช้หัวใจในการทำงานนึกถึงใจเขาใจเรา และบางครั้งความสำเร็จไม่ได้เป็นคำตอบของชีวิตเสมอไป และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ



เรื่องจริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์นำแสดงโดย วิล สมิธ ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ คริส การ์ดเนอร์ ที่ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่เพียงลำพังหลังภรรยาได้ทิ้งเข้าไปเหลือเพียงลูกชายวัย 5 ขวบ ให้เผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กันแต่เพียง 2 พ่อลูกเท่านั้น เขาต้องกัดฟันทำทุกอย่างเพื่อต่อสู้กับความยากจน หลายครั้งเขาต้องพาลูกไปนอนตามที่ต่างๆเหมือนกับพวกคนเร่ร่อน โดยในกระเป๋าสตางค์มีเงินติดเหลืออยู่ในกระเป๋าแค่ 1 ดอลลาร์ แต่เพราะความอดทนและขยันอีกทั้งความฉลาดของเขา เขาเพียรพยายามทำทุกอย่างทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกชายของเขาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจู่ๆวันหนึ่งเขาก็มีไอเดียว่าเขาควรทำงานเกี่ยวกับการเงิน เขาจึงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เป็นโบรกเกอร์ ในบริษัทแห่งหนึ่ง จนกลายมาเป็นสุดยอดนักขายระดับตำนานของอเมริกา ซึ่งจากเนื้อเรื่องคุณจะได้เห็นความอดทน และความพยายามอย่างหนักในการที่จะดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาไม่เคยท้อแท้แม้บางครั้งจะต้องแอบเข้าไปนอนในห้องน้ำสาธารณะก็ตาม และเมื่อโอกาสของเขามาถึงเขาก็รีบฉวยโอกาสนั้นไว้ และพยายามที่จะเรียนรู้อยู่โดยตลอดเวลา ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี




ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่ให้ข้อคิดดีๆ ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1994
นำแสดงโดยทิม ร็อบบินส์ เป็นเรื่องราวของฉายหนุ่มคนหนึ่งที่มีบุคลิกที่ภายนอกดูจะเฉิ่มๆ และไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่นัก วันหนึ่งเกิดจับผลัดจับผลูได้ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทคนใหม่แทนที่ประธานบริษัทคนเก่าที่เสียชีวิตไป เขาต้องพาธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ฝ่าพ้นวิกฤติไปให้ได้ ท่ามกลางการดูถูกของผู้ที่อยู่รอบข้าง ที่พร้อมจะใช้มีดแทงข้างหลังเขาเสมอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายึดมั่นมาไม่เคยเสื่อมคลายนั่นก็คือ ความคิดในไอเดียผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งของเขาที่ถูกหลายคนดูถูกและไม่เข้าใจในสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว ที่เป็นรูปวาดกลมๆในกระดาษที่มาพร้อมความอธิบายสั้นๆ ว่าใช้เพื่อความสนุก แม้หลายคนจะต่อต้านแต่เขาก็ยังคงยืนยันให้ดำเนินสายการผลิตต่อไป และเมื่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกมาช่วงแรกก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาก็ยิ่งถูกโจมตีมากกว่าเดิมจนเกือบถูกปลดจากประธานบริษัท แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ทำการสืบหาว่าเพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่เขามั่นใจจึงยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที จนรู้สาเหตุที่มาว่าผู้คนต่างยังไม่เข้าใจวิธีการเล่นจึงแก้ไขด้วยการทำโฆษณาและออกสาธิตจนในที่สุดก็ได้รับความยอมรับและกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด สิ่งนั้นคือ “ฮูล่าฮูป” นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ให้แรงบันดาลใจตรงที่ว่าสอนให้เรากล้าคิดแม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากความคิดของผู้คนทั่วไปก็ตาม และจงยึดมั่นในความคิดของเรา พร้อมทั้งทำการยอมรับและปรับปรุงแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา


หลายครั้งที่อุปสรรคเป็นฝ่ายเข้ามาทดสอบว่าเราพร้อมจะเป็นผู้ชนะหรือไม่
จากทั้ง 3 เรื่องที่ได้นำเสนอมาคร่าวๆ จะเห็นได้ว่าภาพยนตร์ในแต่ละเรื่องนั้นล้วนสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นมาสู่กับสภาวะและสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยแก่เราทั้งสิ้น อยู่ที่เราต้องไม่ยอมแพ้และถอดใจไปเองเสียก่อน เพราะหลายครั้งที่อุปสรรคมักจะเป็นฝ่ายเข้ามาทดสอบกับตัวเราเองก่อนเสมอว่าเราพร้อมจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จหรือไม่