10 กุมภาพันธ์ 2554

ไม่มีหญิงสาวในบทกวี

ซะการีย์ยา อมตยา
กวีซีไรต์ผู้สร้างฉันทลักษณ์ใหม่





กวีนิพนธ์เรื่อง "ไม่มีหญิงสาวในบทกวี" ของ ซะการีย์ยา อมตยา ซึ่งเป็นบทร้อยกรองอิสระ ไร้ฉันทลักษณ์ ที่คว้ารางวัลซีไรต์ของประเทศไทยประจำปี 2553 ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการวรรณกรรมไทย เพราะว่านับเป็นครั้งแรกที่กวีนิพนธ์นอกขนบได้รับการยอมรับในเวทีใหญ่ของประเทศอย่างซีไรต์

     "การที่บทร้อยกรองอิสระได้รับการตัดสินได้รับรางวัลซีไรต์ด้วยมติเอกฉันท์ เป็นปรากฏการณ์พิเศษ แม้แต่กรรมการก็ไม่คาดคิด ว่าไปแล้วเป็นปรากฏการณ์ใหม่ปลุกให้คนสนใจกวีนิพนธ์มากขึ้น ทั้งยังทำให้คนเข้าใจความหมายของบทร้อยกรองอิสระ" นี่เป็นคำพูดที่ รศ.ดร.สรณัฐ ไตลังคะ หนึ่งในกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์และนายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ บอกด้วยความตื่นเต้น ในงานพบนักเขียนซีไรต์คนใหม่ ประจำปี 2553 ที่เธอทำหน้าที่สัมภาษณ์และพูดคุยกับ ซะการีย์ยา อมตยา เจ้าของบทกวีนิพนธ์ "ไม่มีหญิงสาวในบทกวี" ณ ห้องรีเจนซี่ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา และนั่นทำให้เราอยากจะรู้จักกวีผู้นิยมชมชอบงานเขียนบทกวีไร้ฉันทลักษณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

     ซะการีย์ยา เกิดที่ จ.นราธิวาส และเติบโตในชุมชนริมภูเขาบูโด ภาษาไทยเป็นภาษาที่สองสำหรับเขาและก็ร่ำเรียนภาษาไทยจากโรงเรียนประถมศึกษา พอจบมัธยมปลายก็ตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาตรีด้านอิสลามศาสตร์ภาษา และวรรณคดีอาหรับที่ประเทศอินเดีย และทำให้เขาสนใจงานเขียนบทกวีจริงๆ ในตอนนั้น





งานอ่านบทกวี โดย ซะการีย์ยา อมตยา ในงานอ่านฟังบทกวี ครั้งที่ ๘ Live Poetry 8 "มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูของเรา?" ศุกร์ 13 สิงหาคม 2553 ร้านหนังสือริมขอบฟ้า ถนนราชดำเนินกลาง

กวีนิพนธ์ที่ ซะการีย์ยา อมตยา อ่านในงาน อ่านฟังบทกวี ครั้งที่ 8 นี้
มาจากกวีบท..ที่ว่า

' ฉันอยากเป็นนักแม่นปืน '

คงจะดีถ้าฉันเป็นนักแม่นปืน
ฉันจะสอยยิงผู้บุกรุก
ทีละคนสองคนอย่างเยือกเย็น
ด้วยกระสุนทีละนัดสองนัด
ร่วงลง ร่วงลงดุจใบไม้ร่วง
ฉันจะหมอบลงอย่างเงียบกริบ
ประทับพานท้ายที่บ่าให้มั่น
สายตาเพ่งจดจ่อที่ศูนย์เล็ง
เล็งอย่างประณีต
มองรอดรูเล็กเล็ก
เห็นหน้าผากของผู้บุกรุก

ฉันคงสับสนเล็กน้อย
ตอนตัดสินใจเลือกเป้าพิฆาต
ฉันควรยิงหัวใจที่หน้าอกข้างซ้าย
หรือสมองในกะโหลกศรีษะดี
คำตอบฉันเลือกกึ่งกลางหน้าผาก
ระหว่างโค้งคิ้วงามงอน
เป้าหมายจะได้ทรมานน้อยที่สุด
ตอนที่ฉันจะลั่นไกปืน
จิตใต้สำนึกของฉันคงป่วน
ต่อสู้กันระหว่างการฆ่ากับไม่ฆ่า

ทำไมพวกเขาต้องแดดิ้นตาย
ด้วยน้ำมือของฉันด้วย
โอ พระเจ้า
ข้าน้อยมีสิทธิ์อันใดหรือ
ที่จักพิพากษาอายุขัยของพวกเขา
ไม่ ไม่นะ ข้าน้อยไม่มีสิทธิ์อันชอบธรรมใดใดเลย
แล้วสุดท้ายฉันก็เอาชนะจิตใต้สำนึก
ด้วยเหตุผลพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์บุกรุกมาตุภูมิของเรา
ฉันลั่นไกปืนสุ่มยิงเด็ดหัวทหารอเมริกัน
ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์
ตื่นตระหนกด้วยความเจ็บปวด
อาการบ่งชัดว่าจวนจะถึงที่
แหกปากดิ้นพราดพราด
แล้วร่างนั้นพลันล้มลงชักกระตุก

แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบ
ฉันไม่ใช่นายพรานชอบการฆ่าคน
ถ้าฉันชอบการฆ่าฉันคงดีใจสบถ
ฉันเก้บมันได้!ฉันเก็บมันได้!
แล้วกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก
ได้ของเล่นถูกใจชิ้นใหม่
แต่ฉันกลับพูดเบาๆอย่างสำนึกว่า
ขอพระองค์อภัยข้าน้อยด้วยเถิด
ที่พรากชีวิตหนึ่งที่พระองค์สร้าง
ขอพระองค์นำดวงวิญญาณของเขา
สู่สุคติเถิด

แต่ฉันไม่ใช่นักแม่นปืน
ฉันไม่มีปืน ไม่มีกระสุนสักนัด
มีแต่ดินสอกับกระดาษ
ฉันเพียงแค่ร่างเรียงร้อยตัวอักษร
ถาโถมหลั่งไหลเป็นความรู้สึก
แต่ฉันซุ่มยิงพลปืนไปแล้ว
นับไม่ถ้วน นับไม่ถ้วนจริงจริง
ถ้าไม่เชื่อไปนับศพพวกเขาสิ
กองพะเนินทับถมในใจฉัน
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยและคิดไปว่า
ฉันห่างโหดร้ายป่าเถื่อนอำมหิตสิ้นดี
ไร้ซึ่งความเมตตากรุณาปรานี
แต่สาบานได้เลยว่า
ฉันไม่ชอบการปลิดชีพผู้ใด
แต่ฉันอยากเป็นนักแม่นปืน



'ฉันอยากเป็นนักแม่นปืน' เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกวีนิพนธ์เรื่อง ไม่มีหญิงสาวในบทกวี เท่านั้น
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอให้คุณค้นหา จากหนังสือเล่มนี้



เป็นยังไงกันบ้าง ได้รับแรงบันดาลใจกันบ้างรึป่าว ?
คำพูดที่ว่า "ความฝันและจิตนาการทำให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย
คุณว่าจริงไหม "


ไม่มีความคิดเห็น: